การเรียนการสอนวิชากฎหมายพาณิชย์

ยินดีต้อนรับเข้าสู่การเรียนการสอนวิชากฎหมายพาณิชย์
บุคคล  หมายถึง  สิ่งที่สามารถมีสิทธิและหน้าที่ได้ตามกฎหมาย  และมิได้หมายความเฉพาะมนุษย์ซึ่งก็เรียกว่าบุคคลธรรมดาเพียงอย่างเดียว  แต่กฎหมายได้รับรองบรรดาคณะบุคคลหรือกิจการและทรัพย์สินบางอย่างตามกฎหมายที่กำหนดไว้  ให้เป็นบุคคลในความหมายของกฎหมายได้อีกประการหนึ่งกล่าวคือให้มีสิทธิและหน้าที่เหมือนบุคคลธรรมดา  เช่น ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล  ห้างหุ้นส่วนจำกัด  บริษัทจำกัด  สมาคมและมูลนิธิ  แต่สิทธิและหน้าที่บางประการ  ซึ่งโดยสภาพจะพึงมีพึงเป็นได้เฉพาะแก่มนุษย์เพียงเท่านั้น  เช่น  การสมรส  การรับรองบุตร ฯลฯ  บุคคลซึ่งกฎหมายให้สิทธิพิเศษนี้ไว้เรียกว่านิติบุคคลซึ่งก็มีความหมายตามกฎหมายอยู่แล้ว
                บุคคลซึ่งถือว่าเป็นผู้ที่ก่อให้เกิดมีบทบัญญัติของกฎหมายขึ้น  ดังนั้นบุคคลก็ต้องเป็นผู้รับรู้และปฏิบัติตามให้ถูกต้องตามกฎหมาย  ซึ่งก็จะได้ประโยชน์จากการรับรู้จากกฎหมายกำหนดไว้จึงจำเป็นต้องศึกษาให้ทราบถึงหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดไว้ถึงการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ในเรื่องต่าง ๆ
                การศึกษาในส่วนของเรื่องบุคคลนั้นจึงแบ่งออกเป็น  2 ส่วนคือ
1.             บุคคลธรรมดา
2.             นิติบุคคล
บุคคลธรรมดา
                บุคคลธรรมดา  หมายถึง  สิ่งที่มีชีวิตสามารถมีสิทธิและหน้าที่ได้ตามกฎหมาย  คือมนุษย์ทั้งปวงจะเป็นหญิง ชาย  เด็ก  คนชรา  หรือเป็นผู้บกพร่องในความสามารถหรือเป้ฯคนวิกลจริตอย่างใดก็ตามคนวิกลจริตอย่างใดก็ตามถือเป็นบุคคลธรรมดาทั้งสิ้นโดยมีสาระสำคัญที่ศึกษาต่อไปนี้
1.             สภาพบุคคล
2.             สิ่งที่ประกอบสภาพบุคคล
สภาพบุคคล
                การเริ่มสภาพบุคคล
                ป.พ.พ.  มาตรา 15 บัญญัติว่า  สภาพบุคคลย่อมเริ่มแต่เมื่อคลอดแล้วอยู่รอดเป็นทารกและสิ้นสุดลงเมื่อตาย
                ทารกในครรภ์มารดาก็สามารถมีสิทธิต่าง ๆ  ได้หากว่าภายหลังคลอดแล้วอยู่รอดเป็นทารก
                หมายความว่าการเริ่มสภาพบุคคลต้องประกอบด้วยหลักเกณฑ์  2  ประการ  คือ
1.             คลอดจากครรภ์มารดาและ
2.             อยู่รอดเป็นทารก
คลอด  หมายถึง  คลอดจากครรภ์มารดา  และต้องเป็นการคลอดอย่างสมบูรณ์คือต้องล่วงพ้นออกจากครรภ์มารดาแล้วทั้งตัว  โดยไม่มีอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งของทารกติดค้างอยู่จะตัดสายสะดือหรือยังไม่ถือเป็นข้อสำคัญ
อยู่รอดเป็นทารก  หมายความว่า  ทารกที่คลอดจากครรภ์มารดาแล้วมีชีวิตอิสระเป็นของตนเอง  สามารถหายใจได้ด้วยตนเองแม้ว่าจะหายใจได้เพียงครั้งเดียวแล้วตายก็ถือว่ามีสภาพบุคคลแล้ว  ส่วนทารกที่ตายก่อนคลอดหรือในขณะคลอด  ไม่ถือว่ามีสภาพบุคคล  การชันสูตรพลิกศพทารกสามารถกระทำได้โดยการตรวจปอดของทารกว่ามีอากาศในปอดหรือไม่  โดยการนำเอาปอดไปลอยน้ำเพื่อดูการพองตัวของถุงลมจะช่วยวินิจฉัยได้ว่า  ทารกตายก่อนคลอดหรือตายภายหลังที่คลอดแล้ว
สำหรับทารกในครรภ์มารดากฎหมายก็รับรองให้มีสิทธิต่าง ๆ ได้โดยมีเงื่อนไขว่า  ต่อมาทารกนั้นจะต้องคลอดออกมา  มีชีวิตเป็นต้นว่า  สิทธิในการรับมรดกจากบิดาที่ตายในระหว่างเด็กยังอยู่ในครรภ์มารดา  ถ้าภายหลังเกิดมามีชีวิตก็จะได้รับมรดกของบิดาตามส่วนที่ควรจะได้  เว้นแต่ทารกนั้นตายก่อนคลอดหรือขณะคลอดก็ไม่มีสิทธิรับมรดก  แต่การคลอดนี้จะต้องคลอดภายในระยะเวลา  310  วัน  นับแต่วันที่เจ้ามรดกถึงแก่ความตายทั้งนี้เป็นไปตามบทบัญญัติ ป.พ.พ.  มาตรา 1604  บัญญัติว่า  บุคคลธรรมดาจะเป็นทายาทได้ก็ต่อเมื่อมีสภาพบุคคล  หรือสามารถมีสิทธิได้ตามมาตรา  15  แห่งประมวลกฎหมายนี้ในเวลาที่เจ้ามรดกถึงแก่ความตาย  เพื่อประโยชน์แห่งมาตรานี้ให้ถือว่าเด็กที่เกิดมารอดอย่าภายในสามร้อยสิบวันนับแต่วันที่เจ้ามรดกถึงแก่ความตายนั้นเป็นทารกในครรภ์มารดาอยู่ในเวลาที่เจ้ามรดกถึงแก่ความตาย
ตัวอย่าง  นางแดงตั้งครรภ์ได้ 8 เดือน  นายเขียวสามีก็ตาย  ต่อมาอีกประมาณเดือนเศษนายแดงคลอดบุตรมาและมีชีวิตอยู่เช่นนี้ก็ถือว่ามีสิทธิตามกฎหมายและมีสิทธิที่จะรับมรดกของนายเขียวผู้เป็นบิดาได้
กรณีตาม ป.พ.พ.  มาตรา 1604  ดังกล่าวนั้นเป็นกรณีที่บิดาของทารกในครรภ์มาตราถึงแก่ความตายไปก่อนทารกจะคลอดถ้าเป็นกรณีบิดาไม่ตายแต่หย่าขาดกับมารดาของทารกนั้นทารกคลอดหลังจากขาดจากการสมรสย่อมจะเสียสิทธิอันควรจะได้รับจากบิดาของเขา  ในกรณีที่เป็นเช่นนี้กฎหมายได้บัญญัติคุ้มครองประโยชน์ของทารกนั้นไว้ให้เช่นเดียวกันดังบทบัญญัติ  ป.พ.พ. มาตรา 1536  ว่า  เด็กเกิดแต่หญิงขณะเป็นภริยาชายหรือภายในสามร้อยสิบวันนับแต่วันที่การสมรสสิ้นสุดลง  ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของชายผู้เป็นสามี  หรือเคยเป็นสามีแล้วแต่กรณี
ตัวอย่าง  เช่นนายเขียวและนางวิไลอยู่กินกันสามีภริยาต่อมานางวิไลตั้งครรภ์ได้หกเดือนนายเขียวไปมีภริยาน้อยทำให้นางวิไลโกรธแค้น  จึงขอจดทะเบียนหย่ากับนายเขียวและต่อมาอีประมาณสามเดือนนางวิไลก็คลอดบุตรมามีชีวิตรอด  เช่นนี้บุตรที่คลอดมาก็ย่อมเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของนายเขียว
วันเกิดของบุคคล  คือวันที่ทารกคลอด  และมีชีวิตอยู่รอดเป็นวันที่ทารกเริ่มมีสภาพบุคคลตามกฎหมาย  โดยปกติเมื่อเด็กเกิด  บิดามารดาจะจดบันทึกวันเดือนปีและเวลาของเด็กไว้เสมอ  นอกจากนี้  พ.ร.บ.  ทะเบียนราษฎร์  พ.ศ. 2499 มาตรา  11  ยังได้บังคับให้เจ้าบ้านหรือบิดามารดาไปแจ้งการเกิดต่อนายทะเบียนท้องที่  เพื่อลงทะเบียนคนเกิดภายใน 15  วันนับแต่วันเกิด  อย่างไรก็ตามบางครั้งอาจเกิดปัญหาในเรื่องวันเกิดขึ้นได้  เช่น  เด็กเกิดในท้องที่ห่างไกลความเจริญ  บิดามารดาไม่รู้หนังสือจดวันเดือนปีไม่ถูกหรือจดถูกแต่สูญหาย  ไม่ได้ไปแจ้งต่อนายทะเบียนหรือกรณีทะเบียนราษฎร์ถูกทำลายหรือสูญหายทำให้ไม่มีหลักฐานบันทึกไว้และไม่มีหลักฐานอื่นค้นคว้าได้ว่าบุคคลนั้นเกิดในวันอะไร  เดือนอะไรแน่นอน
กรณีนี้กฎหมายบัญญัติกำหนดวันและเดือนเกิดให้โดย  ป.พ.พ. มาตรา 16  บัญญัติว่า  การนับอายุของบุคคล ให้เริ่มนับแต่วันเกิด  ในกรณีที่รู้ว่าเกิดในเดือนใดแต่ไม่รู้วันเกิดให้นับวันที่หนึ่งแห่งเดือนนั้นเป็นวันเกิด  แต่ถ้าพ้นวิสัยที่จะหยั่งรู้เดือนและวันเกิดของบุคคลใดให้นับอายุบุคคลนั้นตั้งแต่วันต้นปีปฏิทินซึ่งเป็นปีที่บุคคลนั้นเกิด
ตัวอย่าง  กรณีรู้ว่าเกิดเดือนอะไรแต่ไม่รู้วันเกิด  เช่น  นายพรเกิดเดือนกุมภาพันธ์ปี พ.ศ. 2512  แต่ไม่รู้ว่าเกิดวันที่เท่าไร  ตาม ป.พ.พ. มาตรา  16 บัญญัติให้นับวันที่หนึ่งแห่งเดือนนั้นเป็นวันเกิด  จึงถือได้ว่านายพร  เกิดวันที่ 1 กุมภาพันธ์  พ.ศ. 2512  สำหรับกรณีที่ไม่รู้ทั้งวันและเดือนเกิดมาตรา 16  แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  ให้นับอายุบุคคลนั้นตั้งแต่วันต้นปีปฏิทินซึ่งเป็นปีที่บุคคลนั้นเกิด
ตัวอย่าง  นาสมคิด  ได้ทำนิติกรรมโดยลำพังตนเองขึ้นเมื่อวันที่  8 มกราคม  2530  ต่อมามีผู้คัดค้านว่านิติกรรมเป็นโมฆียะ  เพราะนายสมคิดเป็นผู้เยาว์  ปรากฏว่านายสมคิดเกิดในปี พ.ศ. 2510  แต่ไม่รู้ว่าเกิดวันอะไร  เดือนอะไร กรณีนี้ต้องนำเอามาตรา  16 ตาม ป.พ.พ. มาใช้บังคับโดยถือว่านายสมคิด  เกิดวันที่ 1 มกราคม  2510  นิติกรรมที่นายสมคิดทำขึ้นเมื่อวันที่ 8 มกราคม  2530  จึงสมบูรณ์ไม่เป็นโมฆียะเพราะถือว่านายสมคิดบรรลุนิติภาวะ  พ้นภาวการณ์เป็นผู้เยาว์แล้วตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม  2530





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น