การเรียนการสอนวิชากฎหมายพาณิชย์

ยินดีต้อนรับเข้าสู่การเรียนการสอนวิชากฎหมายพาณิชย์
ลักษณะทั่วไปของนิติกรรม
การกระทำที่จะเป็นนิติกรรมจะต้องประกอบด้วยหลักเกณฑ์ ประการ
1. นิติกรรมต้องเริ่มจากการกระทำของบุคคลโดยการแสดง เจตนา
2. การแสดงเจตนาต้องชอบด้วยกฎหมาย
3. การแสดงเจตนาทำโดยสมัครใจ
4. ผู้แสดงเจตนามุ่งโดยตรงที่จะก่อให้เกิดความผูกพันตาม กฎหมาย (นิติสัมพันธ์) ตามที่แสดงเจตนาออกมา
5. มีการเคลื่อนไหวในสิทธิคือ เป็นการก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวนหรือระงับสิทธิ
 ความสามารถของบุคคลในการทำนิติกรรม
บุคคล  หมายถึง  สิ่งที่สามารถมีสิทธิและหน้าที่ได้ตามกฎหมาย  ดังนั้นโดยหลักแล้วบุคคลย่อมมีความสามารถในการทำนิติกรรมได้ทั้งสิ้น  เว้นแต่บุคคลนั้นจะเป็นผู้หย่อนความสามารถหรือกฎหมายจำกัดความสามารถในการทำนิติกรรมไว้  ทั้งนี้เพื่อช่วยเหลือคุ้มครองผลประโยชน์ของบุคลเหล่านั้น
ผู้หย่อนความสามารถ  หมายถึงบุคคลดังต่อไปนี้ 
1. ผู้เยาว์  หมายถึง  บุคคลซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะตามกฎหมาย  ซึ่งบุคคลจะบรรลุนิติภาวะได้  มีเงื่อนไขดังนี้
ก. อายุครบ  20  ปีบริบูรณ์
ข. ทำการสมรสโดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งการสมรสตามกฎหมายนั้นจะทำได้เมื่อชายและหญิงมีอายุ  17  ปีบริบูรณ์  โดยได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรมของทั้งสองฝ่าย  หรือหากมีอายุน้อยกว่า  17  ปี  หากมีเหตุสมควรและมีดุลพินิจของศาลอนุญาตให้สมรสได้  บุคคลดังกล่าวนั้นจะกลายเป็นบุคคลผู้บรรลุนิติภาวะตามกฎหมาย  แม้ต่อมาหย่าขาดจากกันขณะอายุยังไม่ถึง  20 ปี ก็ยังคงเป็นบุคคลผู้บรรลุนิติภาวะเช่นเดิม
2.  คนไร้ความสามารถ  หมายถึง  คนวิกลจริตที่ศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ  และตั้งผู้อนุบาลเป็นผู้ดูแลคนไร้ความสามารถ การทำนิติกรรมของคนไร้ความสามารถนั้น  คนไร้ความสามารถจะทำนิติกรรมโดยลำพังไม่ได้  หรือทำโดยได้รับความยินยอมจากผู้อนุบาลไม่ได้มิฉะนั้นนิติกรรมจะตกเป็นโมฆียะ 
3. คนเสมือนไร้ความสามารถ  หมายถึง  คนที่ไม่ถึงกับวิกลจริต แต่มีเหตุบกพร่องบางประการไม่สามารถจัดการงานของตนได้  ศาลจึงตั้งผู้ดูแลคนเสมือนไร้ความสามารถ  เรียกว่า  ผู้พิทักษ์ 
การทำนิติกรรม  โดยหลักคนเสมือนไร้ความสามารถทำนิติกรรมได้โดยลำพัง  ไม่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้พิทักษ์  แต่มีข้อยกเว้นในการทำนิติกรรมบางประเภทเท่านั้นที่กฎหมายกำหนดให้คนเสมือนไร้ความสามารถต้องได้รับความคุ้มครองและช่วยเหลือโดยต้องได้รับความยินยอมจากผู้พิทักษ์  หากฝ่าฝืนนิติกรรมตกเป็นโมฆียะ  เช่น การกู้ยืมหรือให้กู้ยืมเงิน  นำทรัพย์สินไปลงทุนการรับประกัน  การให้โดยเสน่หา  การเสนอคดีต่อศาล  หรือการดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ  เป็นต้น
4. คู่สมรส  หมายความ  ถึงสามีภรรยาที่จดทะเบียนสมรสตามกฎหมายโดยหลักแล้วคู่สมรสฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดสามารถทำนิติกรรมโดยลำพังตนเองได้ไม่ต้องได้รับความยินยอมจากคู่สมสรอีกฝ่ายหนึ่ง  แต่มีข้อยกเว้นในการทำนิติกรรมบางประเภทเท่านั้นที่เกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สินที่เป็นสินสมรส  กฎหมายกำหนดให้การทำนิติกรรมนั้น ๆ  คู่สมรสโดยต้องได้รับความยินยอมจากคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งก่อน  หากฝ่าฝืนนิติกรรมตกเป็นโมฆียะเช่น  ขาย  แลก  เปลี่ยน  ขายฝาก  ให้เช่าซื้อ  จำนอง  ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์เกินกว่า  3  ปี  ให้กู้ยืมเงินให้โดยเสน่หา  ประนีประนอมยอมความหรือมอบข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย  เป็นต้น 
แบบแห่งนิติกรรม 
 แบบของนิติกรรมหรือกรอบพิธีภายนอกของนิติกรรมนั้น  โดยหลักแล้วแม้นิติกรรมจะสมบูรณ์เมื่อมีการแสดงเจตนาก็ตาม  แต่การแสดงเจตนาอย่างเดียวยังไม่เพียงพอ  ต้องทำตามแบบหรือกรอบพิธีภายนอกของนิติกรรมเสียก่อน  มิฉะนั้นมีผลเป็นโมฆะ อย่างไรก็ตามกฎหมายไม่ได้กำหนดแบบนิติกรรมในทุกเรื่อง  หากนิติกรรมใดกฎหมายไม่ได้กำหนดแบบไว้  นิติกรรมนั้นอาจสมบูรณ์ได้เพียงการแสดงเจตนา
แบบของนิติกรรมที่กฎหมายกำหนดไว้นั้น  สามารถแยกเป็น  4  ประเภทดังนี้ 
3.1 แบบที่ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพบนักงานเจ้าหน้าที่เช่น  สัญญาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์  หรือสังหาริมทรัพย์พิเศษซึ่งได้แก่เรือกำปั่นหรือเรือที่มีระวางตั้งแต่  6   ตันขึ้นไป  เรือยนต์หรือเรือกลไฟมีระวางตั้งแต่  5  ตันขึ้นไป  แพและสัตว์พาหนะ  แลกเปลี่ยน ให้  จำนอง  เป็นต้น  กฎหมายบังคับว่าต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
3.2 แบบที่ต้องจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่  แบบของนิติกรรมประเภทนี้กำหนดเพียงต้องจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เท่านั้นไม่ได้บังคับว่าต้องทำเป็นหนังสือ  เช่น  การจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัท  การจดทะเบียนสถานะของบุคคล  ได้แก่การเกิด  การตาย  การสมรส  การหย่า  การรับรองบุตร  การรับบุตรบุญธรรม  กฎหมายกำหนดให้ต้องไปจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
 3.3 แบบที่ต้องทำเป็นหนังสือต่อพนักงานเจ้าหน้าที่  เช่น  การทำพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมืองหรือแบบลับ
3.4  แบบที่ต้องทำเป็นหนังสือ  กล่าวคือต้องลงลายมือชื่อในหนังสือที่ทำนิติกรรม  หนังสือนั้นจะทำเป็นภาษาต่างประเทศก็ได้  จะเขียนเองหรือพิมพ์ก็ได้
ส่วนลายมือชื่อนั้น  หากคู่กรณีต้องการใช้พิมพ์นิ้วมือ  หรือเป็นแกงไดตราประทับ  หรือเครื่องหมายอื่นทำนองเช่นว่านั้นแทนการลงลายมือชื่อ  หากมีพยานลงลายมือชื่อรับรองไว้ด้วยสองคนให้ถือเสมือนกับลงลายมือชื่อ
นิติกรรมที่ต้องทำเป็นหนังสือ เช่น สัญญาเช่าซื้อ  หรือการทำพินัยกรรมแบบธรรมดา เป็นต้น

วิดีโอดีเป็นเนื้อหาส่วนหนึ่งของการเรียนเท่านั้น


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น